สร้างโลกสีเขียวด้วยการมองผ่านแว่นตาแห่งความจริง ของ กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา
เส้นทางในด้านการให้องค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องอาหารนั้นไม่ง่ายเลย ตลอด 13 ปีของการทำแคมเปญกินเปลี่ยนโลก เริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี และผู้ประสานงานเครือข่าย ‘กินเปลี่ยนโลก’ เวลานั้นได้พยายามสื่อสารกับผู้บริโภคให้เข้าใจที่มาของอาหาร ว่าอาหารที่กินผลิตมายังไง ใครผลิต มีที่มาจากที่ไหนเพื่อให้ความรู้เพิ่มขึ้นในการเลือกซื้ออาหารในฐานะที่เป็นผู้บริโภค
ความรู้สำคัญกว่าจินตนาการ
เพราะอาหารต้อง “เอาเข้าปาก”
ในโลกที่เต็มไปด้วยข่าวสารข้อมูล แต่ในทะเลข้อมูลนั้นทุกข้อมูลไม่ได้กลั่นกรองและตรวจสอบ มีทั้งจริงและเท็จ หากเราหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่มีที่มา ก็จะทำให้เรายึดติดกับองค์ความรู้ใดความรู้หนึ่ง และทำให้เราเดินผิดทางได้ ดังนั้นสำหรับกิ่งกร เธอเห็นว่า“จุดอ่อน” ของผู้บริโภคที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้
“มีอยู่ปีหนึ่ง Thai Pan ได้ทำการตรวจ ผักไฮโดรโปรนิคส์ เจอทั้งยาฆ่าหญ้าและ เจอไนโตรเจนเกินมาตรฐาน จึงได้ส่งข่าวไปยังที่ต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลกับผู้บริโภค แล้วปีนั้นก็เลยมีทัวร์ลง ส่วนใหญ่คนเข้ามาคอมเมนท์เพราะโกรธคนส่งข่าว เพราะข่าวออกมาไม่ตรงกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อ เราคิดว่าตรงนี้เป็นจุดอ่อนของผู้บริโภค ถ้าเราอยากจะสร้างสังคมที่มีทางเลือกทางอาหาร ความรู้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในฐานะคนกินต้องประพฤติตัวใหม่เป็นผู้บริโภคที่เท่าทัน ตั้งคำถาม และหาข้อมูล ตรวจสอบกลั่นกรอง
กระบวนการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความรู้สำคัญที่สุด ผู้บริโภคต้องไม่ยอมโง่ และในขณะเดียวกันเราก็ต้องเข้าใจว่าผู้ผลิตที่ทำของออร์แกนิคโดยไม่มีสารเคมีเลย ก็เป็นเรื่องที่ยากแสนยากอยู่แล้ว “เรา” ผู้บริโภคทำเพียงแค่เสาะหาข้อมูล เมื่อเราได้ข้อมูลความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งแล้ว ก็จะทำให้เรามีความสามารถในการสนับสนุนผู้คนได้ดีขึ้น จะทำให้กระบวนการผู้ผลิตและผู้ประกอบการที่ดีอยู่ได้”
“Green Honest”
คนกินมีความรู้ คนขายมีความซื่อสัตย์ จึงมีความยั่งยืน
เมื่อผู้บริโภคมีความรู้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่พึงมีที่สุดในฝั่งของผู้ผลิตอาหาร และผู้ขาย “คือความซื่อสัตย์” หลายครั้งที่มีการพบเห็นข่าวที่พ่อค้าซื้อผักเคมีมาบรรจุถุงติดป้ายผักอินทรีย์ หรือการซื้อผักเคมีมาปลอมในเวลาที่ผลิตไม่ทันส่ง
“เมื่อผู้บริโภคมีความรู้ความมั่นใจ ก็จะรู้เท่าทันคนชอบฉวยโอกาสในความไม่รู้ของคนก็จะได้ถูกตรวจสอบมากขึ้น สังคมต้องการการตรวจสอบไปมา เพราะคำว่า “ความซื่อสัตย์” ไม่ได้มาลอยๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยความ ‘เอ๊ะ’ ของผู้บริโภคด้วย เช่น มีร้านสลัดร้านหนึ่งมีลูกค้าต่อคิวยาวสุดถนน มีผักเหมือนเดิมขายทั้งปี แต่บอกว่าใช้ผักออร์แกนิค ถ้าเราก็ต้องฉุกคิดนิดหนึ่งว่า เขาเอาผักมาจากไหน การผลิตผักออร์แกนิคทั้งปีในปริมาณมหาศาลมีความเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้นเราควรสงสัยไว้ก่อน
นอกจากมีความรู้ ขี้สงสัย แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคพึงมีคือ ความเข้าใจในเรื่องผักออร์แกนิค ตั้งแต่เรื่องฤดูกาล เช่นถ้าเราอยากกินมะเขือเทศลูกท้อ เราก็ต้องรอให้ถึงฤดูกาลของมัน และต้องเข้าใจเรื่องความไม่สมบูรณ์ของธรรมชาติต้องเลิกคิดเรื่องผักสวยไม่สวย เราต้องกินแต่พอดี เพื่อให้ความต้องการกินของเราพอดีกับการผลิต
Greentopia จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อ “เรา” เป็นผู้บริโภคที่ตื่นรู้ เท่าทันหาความรู้ ว่ากินอะไรเข้าไป ถ้าเลี่ยงไม่ได้ต้องกินผักจากตลาด เราก็จะรู้ว่าเรากินพิษอะไรเข้าไปก็จะได้แก้ถูกทาง กระบวนการนี้จะทำให้เกิดการจัดการกับชีวิตได้มากขึ้น ดังนั้นถ้าเรามีความรู้เราก็จะไปถึงสังคมที่เราฝันได้”
การทำงานทุกวันตลอด13 ปี จนมาถึงวันนี้ แม้ว่ากิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา จะเกษียณตัวเอง ออกมาทำงานอิสระ แต่ก็ยังเป็นงานบนเส้นทางอาหารในแนวทางเดิม เพื่อให้ผู้บริโภคที่รัก เชื่อในสิ่งที่ถูก เลือกในสิ่งที่ใช่