แม้ว่าจังหวัดเชียงใหม่ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์/เกษตรปลอดภัยอย่างจริงจัง โดยมีโครงการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง เช่น การสนับสนุนการสร้างสวนเกษตรอินทรีย์หลังบ้านพร้อมอาหารสัตว์อินทรีย์ 100 ครัวเรือนในพื้นที่ 13 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ หรือโครงการส่งเสริมตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ การจัดเวทีผู้ผลิตพบผู้บริโภค เปิดตลาดนัดเกษตรอินทรีย์ระดับชุมชน 3 แห่งในพื้นที่ อ.ไชยปราการ อ.แม่แตง อ.สารภี เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของจังหวัดในการมุ่งสู่ “เชียงใหม่เมืองแห่งอาหารปลอดภัย” อีกทั้งยังมีกลุ่มขับเคลื่อนภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้เกิด “เกษตรอินทรีย์และอาหารปลอดภัย” ซึ่งความพยายามดังกล่าวกลับสวนทางกับความจริงที่ว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศที่มีอัตราผู้ป่วยนอกจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอยู่ใน 10 จังหวัดอันดับแรกของประเทศ และมีผู้ป่วยสูงสุดใน 4 อันดับแรกของภาคเหนือ (ข้อมูลของกระทรวงสาธาณสุขปีพ.ศ. 2555)
นอกจากกลุ่มเกษตรกรที่มีสารเคมีตกค้างในเลือดสูงแล้ว ประชาชนกลุ่มอื่นๆ ก็อาจได้รับสัมผัสสารเคมีจากพฤติกรรมในการบริโภคในชีวิตประจำวันได้ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รายงานผลการวิจัยการรับสัมผัสสารเคมีกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตในปัสสาวะของประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2550 พบว่าเกษตรกร (40 คน) มีค่าการตกค้างสารเคมีสูงเกินระดับมาตรฐาน 1.3 เท่า และเด็กนักเรียน (207 คน) สูงเกินมาตรฐาน 4 เท่า โดยโอกาสการได้รับสารเคมีนี้มาจากการรับประทานผักและผลไม้เป็นหลัก
นอกจากนี้ผลการตรวจสอบสารเคมีตกค้างในพืชผักจากตลาดและร้านอาหารต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ของโครงการ “การเสริมสร้างระบบการเฝ้าระวังสารเคมีทางการเกษตรด้วยการตรวจสอบการตกค้างในพืชผักเพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีของคนไทยทั่วประเทศ”จากการสนับสนุนของ สสส ในการดำเนินงานร่วมกับโรงเรียนเครือข่ายในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน และกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายอีกจำนวน 14 ชุมชน ในปี 2564-2565 พบว่าพืชผักของจังหวัดเชียงใหม่มีการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในกลุ่มของออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต กลุ่มไพรีทรอยด์ และกลุ่มสารเคมีเป็นจำนวนมาก โดยพบในร้อยละ 60 ของพืชผักที่นำมาตรวจสอบ โดยพืชผักที่ตรวจพบสารเคมีตกค้างสูงสุด 5 อันดับแรก คือ คะน้า ผักกาดขาว มะเขือเทศ กระเพรา และพริกขี้หนู เมื่อประเมินข้อมูลทางสถิติในภาพรวมของการตกค้างสารเคมีในเชียงใหม่ร่วมกับการตกค้างของสารเคมีในภาคเหนือทั้งการตกค้างของสารเคมีทางการเกษตรในพืชผัก และในร่างกายของประชาชนที่คณะทำงานได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้พบว่าการตกค้างของสารเคมีในพืชผักส่งผลต่อการตกค้างของสารเคมีในร่างกายของประชาชนในพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดสมเพชรในเวลาเช้าหลังวิกฤติโควิดระลอกแรก
สถานการณ์ของปัญหาการมีสารเคมีตกค้างในเลือดของประชากรจังหวัดเชียงใหม่และการตกค้างของสารเคมีในพืชผักได้สะท้อนถึงความห่างไกลของเป้าหมาย “เชียงใหม่เมืองแห่งอาหารปลอดภัย” ทั้งที่ภาคีหลายภาคส่วนได้พยายามขับเคลื่อนมาตลอด ความวิกฤติของปัญหายิ่งทวีคูณเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อจังหวัดเชียงใหม่ไม่เพียงแต่ปัญหาของการขาดการเข้าถึงอาหารปลอดภัย เพราะพืชผักอุดมด้วยสารเคมีตกค้างในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดแล้ว แต่ยังกระทบไปถึงความมั่นคงทางอาหารของพลเมืองทุกภาคส่วนของจังหวัด จากมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลประกาศเพื่อการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดอย่างฉุกเฉินและเร่งด่วนไม่ว่าจะเป็นการ “ปิดเมือง” การ “ปิดสถานประกอบการทุกประเภท” ทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่ต้องกักตุนอาหารเพื่อรับมือกับภาวะวิกฤต ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงอาหารได้
เพื่อสร้างห่วงโซ่แรกของอาหารปลอดภัย
คณะทำงานเข้าตรวจ GREEN FARM
การสร้างความสามารถในการพึ่งพาตนเองให้กับผู้บริโภค ตลอดจนความรอบรู้ด้านอาหารในการรู้แหล่งพื้นที่อาหารใกล้บ้านในห่วงโซ่อาหารอินทรีย์ของชุมชนของตน เลือกซื้ออาหารที่มีโภชนการที่เหมาะสม ไปจนถึงพึ่งพาตนเองโดยการปลูกพืชผักที่ปลอดภัย มีความสำคัญอย่างมากในการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับคนเชียงใหม่ในสภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตได้ แต่จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าผู้บริโภคจากตลาดและร้านอาหารให้ความสนใจผักอินทรีย์จากการรับรู้ข่าวสารและการขับเคลื่อนอาหารปลอดภัย แต่ไม่สามารถหาแหล่งจำหน่ายผักอินทรีย์ในตลาดทั่วไป
คณะทำงานเข้าไปตรวจหาสารพิษในผักตามตลาดต่างๆ
เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกพืชผลอินทรีย์มาเจอกับตลาด ร้านอาหาร โรงแรม โรงเรียน และผู้บริโภคเพื่อสร้างพื้นที่อาหารปลอดภัยในชุมชนให้เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานจึงได้ไปสำรวจหาสารเคมีในแปลงปลูกผัก ที่เข้าร่วมโครงการ และได้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักอินทรีย์ให้ความร่วมมือมากกว่า 70 แห่ง ที่จะพร้อมเป็นสวนครัวให้กับบ้าน ชุมชน และตลาดต่างๆ
ที่มาของ Green Kitchen
คณะทำงานเข้าตรวจ GREEN FARM
เพื่อขับเคลื่อนและสร้างห่วงโซ่อาหารปลอดภัยจากเกษตรกรสู่ผู้บริโภค ในการกระจายอาหารที่หลากหลาย การสร้างความมั่นคงทางอาหารทั้งในระดับครัวเรือนและชุมชนด้วยระบบอาหารที่ยั่งยืน ให้กับประชาชนและกลุ่มคนเปราะบางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหารถือว่าเป็นจุดสำคัญในการกระจายอาหาร ดังนั้นจึงเกิดการเปิดรับสมัครเพื่อขอความสมัครใจในการเข้าร่วมโครงการ Green Kitchen ให้โครงการได้นำวัตถุดิบที่เป็นพืชผักไปตรวจ โดยมีผู้มาเข้าร่วมสมัครมากกว่า 100 ราย และมีกลุ่มผู้ผ่านเกณฑ์ จำนวน 43 ราย โดยทั้งหมดได้ทำงานร่วมกับคณะทำงาน เพื่อทำการเปลี่ยนผักที่เคยใช้อยู่ให้เป็นผักอินทรีย์ หากไม่สามารถจัดซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม ทางโครงการฯ ก็ได้ช่วยเป็นตัวกลางในการจัดหาวัตถุดิบจาก เกษตรกรที่อยู่ในเครือข่าย GREEN FARM
เทศกาลทวงคืนพื้นที่สีเขียวบนโต๊ะอาหาร
เพื่อเป็นกำลังใจให้กับร้านอาหารที่ทำงานอย่างหนักในการคัดสรรวัตถุดิบที่ปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ทางคณะทำงานจึงได้จัดพิธีมอบตราสัญลักษณ์ Green Kitchen ให้กับร้านที่ผ่านมาตรฐาน พร้อมกับถือโอกาสนี้จัดงานเทศกาล Green Your Food เพื่อเป็นเวทีให้กับคนทำงานในด้านธุรกิจอาหารอินทรีย์ และธุรกิจสีเขียวที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ได้มาร่วมกันแบ่งปันความรู้ แนวคิด ผ่านเวทีเสวนา เกิดการสร้างเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับจานอาหารของผู้บริโภคชาวเชียงใหม่
จากการทำงานมาอย่างยาวนานเพื่อให้คำว่า“เชียงใหม่เมืองแห่งอาหารปลอดภัย” ค่อยๆ เกิดความเป็นจริงขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม และทั้งหมดนี้ ต้องเกิดจาก คนปลูก คนผลิต คนกิน ในเชียงใหม่เอง ที่เห็นพ้องต้องกันว่าเราจะส่งต่ออาหารที่ปลอดภัยอุดมด้วยสารอาหารให้กับลูกหลานในอนาคต ดีกว่าการบริโคพืชผักที่เต็มไปด้วยสารพิษทุกวันที่เป็นเสมือนการ “ตายผ่อนส่ง”