Green Peoples

แอน – ศศิธร คำฤทธิ์

จากรถกระบะขายของชำสู่บ้านดิน

สร้างสรรค์อาหารด้วยวัตถุดิบจากภูเขา

“แอน กินเปลี่ยนโลก” คือฉายาของ แอน ศศิธร คำฤทธิ์ ผู้ก่อตั้งรถขายของชำที่มีโมเดลคล้ายกับรถพุ่มพวงที่เราคุ้นเคย หากแต่เป็นรถขายของชำที่อัดแน่นไปด้วยสินค้าจำพวกเครื่องปรุงรสแสนอร่อยที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นผ่านกรรมวิธีจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวบ้าน เช่น น้ำตาลอ้อยบ้านไร่ที่เคี่ยวแบบโบราณ น้ำมันงาขี้ม่อนที่ตำเมล็ดงาในครกดินเผาและสกัดน้ำมันงาโดยใช้เครื่องหีบน้ำมันแบบโบราณ น้ำปลาที่หมักแบบไร้สาร ไปจนถึงพริกกะเหรี่ยงจากไร่หมุนเวียนที่ชาวบ้านปลูกแบบออร์แกนิก วัตถุดิบต่างๆ เหล่านี้ถูกรวบรวมมาไว้ในรถกระบะขายของชำที่แอนตั้งชื่อว่า “รถชำเปลี่ยนโลก”

รถชำเปลี่ยนโลกจะออกสัญจรไปขายของตามตลาดออร์แกนิกในเชียงใหม่ เช่น ตลาดนัดจริงใจ Farmer Market ด้านหนึ่งเป็นแผงขายของจำพวกกะปิ น้ำปลา ซีอิ้ว น้ำผึ้ง ฯลฯ ขายน้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า เมล็ดพันธุ์ ฯลฯ อีกด้านหนึ่งเป็นห้องครัวสำหรับสาธิตและให้คนที่สนใจได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้เรื่องวัตถุดิบและอาหารเมนูต่างๆ

“มันเหนื่อยมาก แต่เราสนุกเพราะมันมีคนเข้ามาคุยกับเรา มาแลกเปลี่ยนกับเราตลอด เช่น ป้าๆ ลุงๆ เขามาเจอน้ำปลาที่เราขาย เขาก็บอกว่าเหมือนน้ำปลาที่เขาเคยกินตอนเด็กๆ เลย พวกวัยรุ่นก็จะบอกว่าน้ำปลาของเราเหม็นจัง กลิ่นแรง มันจึงทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เออ อร่อยของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันจริงๆ”

รถชำเปลี่ยนโลกอาจไม่ใช่ร้านชำที่สามารถสร้างรายได้จริงในด้านธุรกิจ หากแต่เป็นพื้นที่ที่จะทำให้ผู้บริโภคได้เปิดโลกและทำความรู้จักกับวัตถุดิบและเครื่องปรุงรสที่ดี ที่มีคุณภาพ ที่เป็นภูมิปัญญาจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรช่วยกันรักษาเอาไว้ไม่ให้สูญหาย อีกทั้งยังมีส่วนที่จะช่วยให้เกิดความยั่งยืนทางด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อคนรู้จัก ก็จะทำให้ชาวบ้านขายของได้ ภูมิปัญญาเหล่านี้ก็จะยังคงอยู่ การใช้วัตถุดิบปลอดสารจากท้องถิ่นก็จะดำเนินต่อไป

“มันเหมือนเป็นงานประชาสัมพันธ์ที่ช่วยให้ความรู้กับคนกินได้มีทางเลือกมากกว่า แต่ถ้าจะทำเป็นธุรกิจ มันไม่ได้สร้างรายได้จริง”

เมื่อการออกร้านด้วยรถกระบะเริ่มเหนื่อยล้า จึงย้ายมาขึ้นบก เป็นบ้านดิน Studio Horjhama (ห่อ-จย่า-มา ภาษาอาข่า แปลว่า มากินข้าวกัน!) ในอำเภอแม่ริม โชว์รูมและพื้นที่สร้างสรรค์เมนูอาหารชนเผ่า เป็นเมนูและวัตถุดิบจากป่าเขาที่คนเมืองอย่างเราไม่คุ้นเคย

“เรานำเมนูจากชนเผ่านั้นชนเผ่านี้มาออกแบบให้มีรูปร่างหน้าตาใหม่ ให้คนในเมืองเข้าใจง่ายขึ้น แต่ให้เขาได้เห็นที่มาที่ไปของอาหาร ที่มาของสิ่งแวดล้อม ที่มาของฤดูกาล เช่น เมี่ยงใบชาห่อหมูของชาวลีซู ที่สามารถบอกเล่าได้ว่า ในจังหวัดเชียงใหม่เรามีพื้นที่ป่าชาอัสสัมธรรมชาติที่ใหญ่มาก คนที่นั่นยังชีพมาหลายชั่วอายุคนด้วยการทำชาในแบบต่างๆ เอาใบชาใบเมี่ยงมากินหลายอย่าง เราก็เลยเริ่มทำอาหารประเภทนี้”